วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ครั้งที่ 6 หลักการสร้างสื่อเพื่อการนำเสนอที่ดี

ภาพศิลปิน



ชื่อ : วงทีโบน
ข้อมูลเบื้องต้น : ทีโบน เป็นวงเร็กเก้-สกาที่อยู่ในวงการเพลงไทยมากว่า 20 ปี ค่าย มูเซอร์วอร์นเนอร์ มิวสิกโซนี่ มิวสิก หัวลำโพง ริดดิม เจ้าของเพลงฮิต เธอเห็นท้องฟ้านั่นไหม
ทีโบน เริ่มต้นวงยุคแรกจากการเล่นประจำที่ร้านบลูมูน และร้านบลูยีนส์ โดยชื่อวง ‘ทีโบน’ นั้นนำมาจากป้ายชื่อยีห้อของกางเกงยีนส์ที่ แก๊ป-เจษฎา ธีระภินันท์ ออกแบบขาย ต่อมาทีโบนได้ไปแจมเล่นอะคูสติกกับ โอ๋ (ธีร์ ไชยเดช) ที่ร้านแซ็กโซโฟน ซึ่งเล่นมาจนถึงวันนี้นับเป็นเวลาร่วม 20 กว่าปีแล้ว และด้วยประโยค “สนใจมาเป็นซูปเปอร์สตาร์มั้ย?” คำชวนแบบทีเล่นทีจริงจาก จิก (ประภาส ชลศรานนท์) ที่มองเห็นความสามารถของวงนี้ และชักชวนให้ทีโบนเข้ามาอยู่ในวงการเป็นศิลปินออกเทปทำงานด้วยกัน
จึงทำให้เกิด ‘ทีโบน’ ชุดแรกขึ้นมา

ใครรู้ตัวว่าเป็นสาวกชาว เรกเก้-สกา เจอกันได้ใน คอนเสิร์ต the happy t-bone จุดนัดพบ หาดพัทยาเหนือ .ชลบุรี วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2010 เวลา 18.00-24.00 น. งานนี้สาวกเรกเก้ -สกาไม่ควรพลาด

กลุ่มเป้าหมาย : สาวก กลุ่มคนที่ชื่นชอบ ดนตรี เร๊กเก้ สกา
Concept : the happy t-bone concert
อารมณ์ :
1. สนุก













2. ความสุข













3. สีสัน ความเป็นเรกเก้












====================================
ตัวอย่างกรณีศึกษา สื่อป้ายโฆษณาบนเว็บ ( web Banner )
คือรูปแบบหนึ่งของโฆษณาบนเวิลด์ไวด์เว็บ เป็นการวางภาพโฆษณาลงบนหน้าเว็บแล้วทำลิงค์ กลับไปยังเว็บไซต์ที่โฆษณา ด้วยจุดประสงค์เพื่อดึงดูด ผู้เข้าชมให้เข้าไปยังเว็บ ไซต์ที่โฆษณานั้นผ่านการคลิก เว็บแบนเนอส์ สร้างขึ้นจากไฟล์รูปภาพ ทั้วไปเช่น GIF JPG PNG หรือใช้จาวาสคริปส์ เชื่อมโยงเทคโนโลยี
มัลติมีเดียอย่างอื่น เช่น แฟลช ข้อความ จาวา หรือซิลเวอร์ไลต์ เป็นต้น และอาจมีการใช้ภาพเคลื่อนไหว เสียง หรือวีดีโอ มาผสมผสานเพื่อนำเสนอโดดเด่นมากที่สุด

การสร้างสรรค์ผลงาน
เนื้อหาที่ต้องการสื่อในเว็บแบนเนอส์ ก็คล้ายกับป้ายโฆษณาในชีวิตจริง คือการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ให้ลูกค้า หรือคนอื่นทั่วไปพบว่ามีสินค้าหรือบริการอะไรในปัจจุบัน เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า

ขนาดแบนเนอร์ ที่เป็นที่นิยม
728*90 Pixel : Leader board
เป็นแบนเนอร์ขนาดนิยม ขนาดใหม่ สามารถแสดงข้อมูลสินค้าและบริการได้มาก

ตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุด
ด้านบนถัดลงมา

องค์ประกอบที่ใช้ในการออกแบบแบนเนอร์ มี 6 ชนิด ได้แก่
1. พาดหัว
2. ข้อความโฆษณา
3. ภาพประกอบ
4. สัญลักษณ์ของผู้โฆษณา
5. สี
6. * การเคลื่อนไหวและการใช้เสียงประกอบ


หลักการออกแบบแบนเนอร์ที่ดีได้แก่
1. ตัวอักษร
2. สัญลักษณ์
3. ภาพประกอบ
4. สี
5. การจัดวาง


1. ตัวอักษร
* ขนาดและสัดส่วน ที่เหมาะสม โดยประมาณ
พาดหัว 48 pt
ข้อความ 32 pt

*รูปแบบเหมาะสม
สอดคล้องกับบุคลิก
(mood & tone )


* รูปแบบไม่ควรเกิน 2-3 แบบ

2. สัญลักษณ์
* ควรกำหนดขนาด
ให้เด่นหรือด้อย

3. ภาพประกอบ
*ควรใช้ภาพกราฟิก ในการออกแบบมากกว่าภาพถ่าย เนื่องจาก ขนาดของไฟล์ ของภาพลายเส้น (GIF) เล็กกว่าโหลดได้เร็วกว่ากับโฆษณา

4. สี
* ระบุค่าสีในระบบ RGB 216 สี
* พื้นหลังและตัวอักษรควรใช้สีตัดกันให้เด่นชัด
* จับคู่สีให้เหมาะสม ไม่ควรเกิน 2-3 สี

ครั้งที่ 5 ภาพงาน

สินค้า KMA

Concept มนต์สะกดแห่งความงาม



****************************************













****************************************
****************************************

วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ครั้งที่ 4

เทคนิคการนำเสนอ แนวคิดเกี่ยวกับการสร้างสรรค์งานโฆษณา
ในการสร้างสรรค์งานโฆษณา ให้ประสบผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์นั้นต้องขึ้นอยู่กับ
1. การวางกลยุทธ์ในการสร้างสรรค์
2. การนำเสนอความคิดสร้างสรรค์ ในโฆษณา
3. การสร้างสรรค์ผลงานให้โดดเด่น มีประสิทธิภาพและเหมาะสม


Execution หมายถึง การใส่เนื้อหาลงในชิ้นงานโฆษณาเป็นการนำเอาภาพ คำ และองค์ประกอบอื่น ๆของการสร้างสรรค์ มาผสมผสานกันอย่างมีศิลปะและสุนทรีเพื่อให้เกิดการสื่อข้อความที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล

การนำเสนอความคิดสร้างสรรค์โฆษณา
องค์ประกอบของการสร้างสรรค์โฆษณา
เพื่อให้งานโฆษณาสามารถทะลุแนวปราการของขั้นตอนการเลือกรับรู้ของผู้บริโภคได้นั้น นอกจากยุทธวิธีทางด้านโฆษณาดูกว้างไว้เป็นแนวทางแล้ว ทั้งด้านแนวคิด (Concept) ลีลา (Tone) จุดเว้าวอน (Appeal) จุดขาย ( Selling point ) ตลอดจนแนวทางนำเสนอโดยอาศัยองค์ประกอบต่าง ๆที่แบ่งได้เป็น 2 ส่วน คือ
1. ส่วนที่เป็นคำพูด หรือ วัจนภาษา
2. ส่วนที่ไม่เป็นคำพูด หรือ อวัจนภาษา

ส่วนที่เป็นคำพูด
1.พาดหัวหลัก (Headline)
2.พาดหัวรอง ( Sub headline)
3.ข้อความโฆษณา ( copy )
4.คำบรรยายใต้ภาพ ( Caption )
5.สโลแกน ( slogan )
6.บรรทัดท้าย ( Base line )
7.ชื่อตราสินค้า ( Brand name )

ส่วนที่ไม่เป็นคำพูด
2.1 ภาพประกอบ ( lilustrations )
2.2 การจัดภาพที่ดี ( Layout )
2.3 เครื่องหมายการค้า ( Logo )
2.4 ขนาด (Size )
2.5 สี ( Colour )
2.6 ตัวอักษร ( Typography )


2.1 ภาพประกอบ มีภาพสินค้า มีวิธีการใช้สินค้า อธิบายความคิดหรือภาพไม่มีสินค้า
2.1.1 ภาพถ่าย
2.1.2 ภาพลายเส้น
2.1.3 ภาพประกอบที่มีการรวมกัน ทั้งภาพถายและภาพลายเส้น

2.2 การจัดภาพที่ดี มีความสมดุล มีจุดเด่น มีสัดส่วนที่ดี มี่ที่วางที่เหมาะสม
2.3 เครื่องหมายการค้า การแสดง เอกลักษณ์ของสินค้า อาจจะมีลายเส้น ที่ไม่ต้องมีรายละเอียดมากนัก
2.4 ขนาด ต้องมีความเด่น ความแรง ต้องขนาดใหญ่ย่อมจะดีกว่า
2.5 สี สี่ที่ดีกว่าขาวดำ แต่อาจจะมีโยงกับอารมณ์ ความรู้สึก ลีลา
2.6 ตัวอักษร สร้างอารมณ์และสร้างจินตภาพ และบุคลิกของสินค้าได้


รูปแบบการนำเสนอ
การนำเสนอภาพลักษณ์ต่าง ๆที่เกี่ยวกับโฆษณา สามารถดึงดูด ความสนใจ รูปภาพอย่างเดียว สามารถบอกอะไรได้เยอะ



1. การอุปมาการเห็น แฝงในสำคัญ





2. การใช้ภาพเหนือจริง เป็นการนำเอาเรื่องราววัตถุที่คาดว่าจะเป็นไปไม่ได้ ความแรงมาก่อน เพ้อฝัน ภาพที่เป็นไม่ได้






3. การสร้างความผิดปกติจากของจริง สร้างความสะดุดตาด้วยความผิดปกติ







4. การรวมกันเข้าของสองสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกัน





5. การใช้มุมกล้องแทนสายตาผู้ดูหรือผู้ถ่าย





6. การล้อเลียน เป็นการผลิตส่งที่ดูแปลก




7. ภาพที่มีขนาดไม่ปกติ เกิดความแปลกประหลาดให้แก่ผู้ดู





















วันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ครั้งที่ 3

การใช้โปรแกรม Photoshop

1. การปรับแต่งภาพกราฟิก

ไฟล์ภาพที่ได้จากกล้องดิจิตอลเป็นไฟล์กราฟิกประเภทหนึ่งในระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีชื่อเรียกว่าไฟล์ภาพแบบ “บิทแมพ”(Bitmap) คุณสมบัติที่สำคัญของไฟล์ประเภทนี้คือประกอบขึ้นจากจุดสีขนาดเล็กจำนวนมากที่เรียกว่า “พิกเซล”(Pixel) เรียงตัวกันเป็นรูปตาราง เนื่องจากจุดสีเหล่านี้เล็กมากเมื่อเรามองแบบรวม ๆ จึงเห็นเป็นภาพถ่ายที่มีการไล่ระดับสีสมจริงเหมือนธรรมชาติ

การปรับภาพให้คมชัด (Unsharp Mask)
Photoshop สามารถปรับภาพที่เบลอให้คมชัดขึ้นได้ แต่คำสั่งนี้จะให้ผลดีในระดับหนึ่งเท่านั้น เพราะถ้าปรับมากเกินไปจะทำให้เห็นขอบวัตถุในภาพเป็นเส้นหรือรัศมีอย่างชัดเจนจนดูไม่ได้สมจริง
เลือกคำสั่ง Filter >sharpen>Unsharp Mask
การใช้ Fillter Gallery
Fillter Gallery เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราใส่ฟิลเตอร์ให้กับภาพได้ครั้งละหลายตัวโดยไม่ต้องทำทีละคำสั่ง มีภาพตัวอย่างแสดงให้เห็นผลลัพธ์รวมของฟิลเตอร์ทั้งหมดทันที และสามารถปรับแต่งออปชั่นหรือสลับลำดับของฟิลเตอร์ได้เครื่องมือนี้จึงช่วยให้การสร้างเอฟเฟ็คต์เพิเศษที่ต้องใช้ฟิลเตอร์หลายตัวประกอบกันสะดวกรวดเร็วขึ้นมาก

การเปิด Dry Brush ทำใด้ 2 วิธี
(1) เปิดจากคำสั่ง Fillter > Fillter Gallery กรณีนี้ฟิลเอตร์ชุดเดิมที่คุณเคยเลือกไว้ด้วยวิธีนี้จะถูกเรียกกลับขึ้นมา
(2) เปิดจากคำสั่งของฟิลเตอร์ใดฟิลเตอร์หนึ่งจะถูกจัดอยู่ใน Fillter Gallery เช่น Fillter > Artistic > Dry Brush กรณีนี้ฟิลเตอร์ Dry Brush จะถูกเรียกใช้ก่อน หลักงานนั้นคุณสามารถเลือกฟิลเตอร์อื่น ๆ เพิ่มได้


2. การตัดต่อ/ตกแต่งภาพ

การตกแต่งภาพ เราอาจจะแต่งในภาพเพียงภาพเดียว หรือนำหลายๆ ภาพมาตกแต่งร่วมกัน โดยเลือกบางส่วนในแต่ละภาพมาประกอบกัน เราสามารถเลือกส่วนของภาพนั้นได้ด้วยเครื่องมือที่ชื่อ Marquee Tool ซึ่งเป็นเครื่องมือตัวแรก ของชุดเครื่องมือ ประกอบด้วย

Rectangle Maquee Tool สำหรับเลือกส่วนของภาพในแบบสี่เหลี่ยมตามที่ต้องการ สังเกตว่าที่เครื่องมือนี้ จะมีเครื่องหมายสามเหลี่ยม อยู่ที่มุมล่างด้านขวา แสดงว่าจะมีเครื่องมือในแบบเดียวกันซ่อนอยู่ด้วย โดยเราสามารถเรียกใช้ด้วยการคลิ้กเมาส์ค้างไว้ ก็จะปรากฏเครื่องมือต่างๆ ที่อยู่ในชุดนี้ขึ้นมา

Elliptical Maquee Toolใช้สำหรับเลือกส่วนของภาพในแบบวงกลมหรือวงรีตามที่ต้องการ

Single Row Maquee Toolใช้สำหรับเลือกส่วนของภาพในแบบ 1 พิกเซล ตามแนวนอน

Single Column Maquee Tool ใช้สำหรับเลือกส่วนของภาพในแบบ 1 พิกเซล ตามแนวตั้ง

ย้ายส่วนของภาพ
เมื่อเลือกส่วนของภาพได้แล้ว เราจำเป็นที่ต้องมีการเคลื่อนย้ายส่วนของภาพนั้น ซึ่งเป็นหน้าที่ของเครื่องมือ Move Tool
Move Toolสำหรับเคลื่อนย้ายภาพหรือส่วนของภาพที่เราต้องการ ไปยังตำแหน่งใหม่ หรือไปตกแต่งร่วมกับภาพอื่น การใช้งานเพียงแค่คลิ้กเมาส์ที่ส่วนนั้น แล้วลากไปปล่อยทิ้งในตำแหน่งที่ต้องการ
เลือกส่วนของภาพแบบอิสระ
ในการตกแต่งภาพจริงๆ นั้น มักจะมีการเลือกแบบอิสระ หรือตามรูปร่างของบริเวณภาพที่ต้องการ ซึ่งเราสามารถเลือกได้ด้วย
เครื่องมือ Lasso Tool โดยเครื่องมือในชุดนี้ จะประกอบด้วยเครื่องมือ 3 ตัวด้วยกัน คือ

Lasso Tool สำหรับเลือกส่วนของภาพแบบอิสระ ด้วยการคลิ้กเมาส์ค้างไว้ แล้วลากคลุมบริเวณที่เราต้องการ จนแนวเส้นการลากมาบรรจบกันอีกครั้ง ก็จะได้ขอบเขตการเลือกภาพที่ต้องการ สามารถใช้เครื่องมือ Move Tool ในการย้ายเพื่อตกแต่งต่อไปได้

Polygonal Lasso Tool สำหรับเลือกส่วนของภาพแบบอิสระ เช่นเดียวกับ Lasso Tool แต่เป็นการเลือกแบบทีละจุด ไปเรื่อยๆ ด้วยการคลิ้กเมาส์ที่จุดแรก แล้วปล่อย แล้วจึงค่อยคลิ้กที่จุดต่อๆ ไป จนแนวเส้นที่คลิ้ก มาบรรจบกันอีกครั้ง

Magnetic Lasso Tool สำหรับเลือกส่วนของภาพแบบอิสระ เช่นเดียวกับ Lasso Tool แต่เป็นการเลือกแบบเช็กค่าสีของภาพ เราเพียงแค่คลิ้กเมาส์ที่จุดแรก แล้วปล่อย จากนั้นลากเมาส์ไปเรื่อยๆ ให้ใกล้กับบริเวณที่เราต้องการ เครื่องมือนี้จะไล่ไปตามขอบเขตอัตโนมัติ แบบแม่เหล็ก ทำให้การเลือกภาพทำได้ง่ายและรวดเร็ว

3. การใช้งานเลเยอร์

ลักษณะการทำงานแบบเลเยอร์ เป็นเหมือนการวางแผ่นใส ซ้อนทับกันเป็นลำดับขั้นขึ้นมาเรื่อยๆ โดยแต่ละแผ่นใส เปรียบเสมือนเป็นแต่ละเลเยอร์ บริเวณของเลเยอร์ที่ไม่มีรูป จะเห็นทะลุถึงเลเยอร์ที่อยู่ข้างล่าง โดยกระบวนการเช่นนี้ จะทำให้เกิดเป็นรูปภาพสมบูรณ์ และทำให้เราสามารถจัดวางงานได้ง่าย

การใช้งาน Layers Palette

Layers Palette เป็นศูนย์รวมของเลเยอร์ทั้งหมด ที่มีอยู่ในภาพ โดยเรียงตามลำดับ จากเลเยอร์ที่อยู่บนสุดไปจนถึงเลเยอร์ที่อยู่ล่างสุด มี Scoolbar เลื่อนขึ้นลงเพื่อดูเลเยอร์ต่างๆ แต่ละเลเยอร์จะมีชื่อของเลเยอร์นั้นๆ อยู่
นอกจากนี้ Layers Palette ยังเป็นเหมือนตัวควบคุมลักษณะการใช้งานของเลเยอร์ทั้งหมด เราสามารถเรียก Layers Palette ขึ้นมาใช้งาน โดยการใช้คำสั่ง Window> Show Layers ที่แถบเมนู


Active Layer

ในการใช้งานโปรแกรม Photoshop นั้นแม้จะประกอบไปด้วยเลเยอร์หลายเลเยอร์ แต่เราจะทำงานได้เพียงทีละเลเยอร์เท่านั้น เลเยอร์ที่เรากำลังทำงานอยู่ เราเรียกว่า Active Layer ซึ่งใน Layers Palette จะปรากฏเป็นแถบสีน้ำเงิน และมีไอคอนปรากฏอยู่ในช่องแสดงสถานะของเลเยอร์ เช่น แสดงว่ากำลังทำการปรับแต่งเลเยอร์อยู่ หรือ เป็นการเพิ่มเลเยอร์ Mask ให้กับเลเยอร์นั้น


การเปลี่ยนการทำงานไปในเลเยอร์ต่างๆ

เราสามารถเรียกเลเยอร์ใดทำงานได้ โดยการเลื่อนเมาส์ ไปที่เลเยอร์ที่ต้องการ ตัวชี้เมาส์จะเปลี่ยนเป็นรูป แล้ว Click mouse ที่แถบของเลเยอร์นั้น เลเยอร์นั้นจะกลายเป็น Active Layer โดยทันที

การซ่อนและแสดงเลเยอร์

ภาพภาพหนึ่งจะประกอบไปด้วย เลเยอร์หลายเลเยอร์ ในบางครั้งหากเราต้องการปิดบางเลเยอร์ ไม่ให้มองเห็น ก่อน เพื่อความสะดวกในการทำงาน โดยที่ไม่ได้ลบเลเยอร์นั้นทิ้ง เราสามารถสั่งให้มีการซ่อน และแสดงเลเยอร์ได้ โดย
1. ซ่อนเลเยอร์โดย Click mouse ที่ เพื่อซ่อนเลเยอร์ ซึ่งช่องสถานะนั้นจะเปลี่ยนเป็น
2. ผลลัพธ์ที่ได้ คือ เลเยอร์ Mushroom จะหายไป
3. แสดงเลเยอร์โดย Click mouse ที่ อีกครั้งหนึ่ง เพื่อแสดงเลเยอร์ ช่องสถานะจะเปลี่ยนกลับมาเป็น
4. ผลลัพธ์ที่ได้ เลเยอร์ Mushroom จะปรากฏขึ้นอีกครั้ง
5. ซ่อนและแสดงหลายๆ เลเยอร์พร้อมกัน โดยการ Drag mouse ผ่านช่องสี่เหลี่ยมต่างๆ
6. ผลลัพธ์ที่ได้ เลเยอร์ Vegetable, Gevi, Orange และ Mushroom จะหายไป


4. การวาดภาพระบายสี

การเทสีภาพโดยใช้คำสั่ง Paint Bucket Tool
1. Selection เลือกพื้นที่ภาพที่เราต้องการเติมสี
2. Click mouse ที่ไอคอน
3. Click mouse ที่ Foreground Color เพื่อเลือกสีที่จะเติม
4. ปรับค่าสีที่จะเติมในภาพด้วย Tool Options bar โดยมีรายละเอียดต่างๆ
เลือกสีที่ใช้เติม ได้แก่ Foreground ใช้สีเดียวกับ Foreground color
Pattern เติมภาพด้วยลวดลาย


การไล่โทนสีภาพโดยการใช้คำสั่ง Gradient Toolการใช้งานคำสั่ง Gradient Tool
1. เลือกพื้นที่ที่ต้องการเทสีภาพ ในที่นี้คือ พื้นที่ที่เป็นเส้นประสี่เหลี่ยม
2. Click mouse ที่ไอคอน Gradient Tool
3. Click mouse เลือกรูปแบบไล่โทนสีที่ Tool Options bar
4. Drag mouse จากจุดเริ่มต้นไปยังจุดปลาย ตามตำแหน่งที่ต้องการ แล้วปล่อยเมาส์
- จุดที่เริ่มกดเมาส์ ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้น
- จุดที่ปล่อยเมาส์ ถือว่าเป็นจุดปลาย
การแสดงการไล่สี มี5รูปแบบ
1. Unear Gradtent Tool การไล่โทนสีในแนวเส้นตรง
2. Radial Gradient การไล่โทนสีตามรัศมีของวงกลม
3. Angular Gradient การไล่โทนสีแบบการวาดตามการหมุนของเข็มนาฬิกา
4. Reflected Gradient การไล่โทนสีแบบภาพสะท้อน
5. Diamond Gradient การไล่โทนสีแบบประกายแสงของเพชร

5. การสร้างอักษรและข้อความ
การพิมพ์ตัวอักษรลงในภาพ
การพิมพ์ตัวอักษรหรือทำตัวอักษรศิลป์ก็คล้ายกับพิมพ์ในโปรแกรม Word หรือ Excel นั่นแหละครับ มีการกำหนดฟอนต์ตัวอักษร เลือกสไตล์ ขนาด การจัดกลาง การกำหนดสีหรือแม้กระทั่งการบิดข้อความทำให้เป็นรูปร่างต่าง ๆ คงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนักเรียนนะครับ เดี๋ยวเรามาเริ่มกันเลย

เปิดไฟล์ภาพที่นักเรียนเคยบันทึกไว้ แล้วคลิก Horizontal type Tool ที่กล่องเครื่องมือ นักเรียนสังเกตมุมขวามือล่างที่พาเล็ต Layer จะเกิดเลเยอร์ใหม่ขึ้นมาเป็นรูปตัว
คลิกที่ภาพเมาส์จะกลายเป็นรูปเคอเซอร์กระพริบ ให้นักเรียนพิมพ์ตัวอักษรคำว่า Happy New Year 2005 จะเปลี่ยนชนิดของตัวอักษรก็คลิกเมาส์ที่ตัวอักษรแล้วลากคลุมดำทุกตัว เปลี่ยนฟอนต์ตัวอักษรและอื่น ๆ ได้ที่แถบออปชั่นบาร์ด้านบน
ต้องการเปลี่ยนรูปร่างของข้อความคลิกที่ Warp Text เลือก Style ตามต้องการ หากตัวอักษรที่ได้ไม่กลางหรือต้องการจะปรับขนาดใหม่ ให้คลิกที่ Edit >Free Transform คลิกเมาส์ค้างไว้แล้วลากไปวางยังตำแหน่งที่ต้องการ หากต้องการยืด หด ให้นำเมาส์มาชี้บริเวณมุมกรอบรอบตัวอักษรเมาส์จะเป็นรูป ื คลิกค้างแล้วลาก ต้องการหมุนตัวอักษรเอียงใช้เมาส์ชี้ที่มุมกรอบรอบตัวอักษรห่างจากกรอบพอประมาณเมาส์จะกลายเป็นรูป คลิกเมาส์ค้างไว้แล้วหมุน
กำหนดเอฟเฟคต์ให้ตัวอักษร คลิกเลือกเลเยอร์ที่มีคำว่า Happy Ne.. ให้เป็นสีน้ำเงิน เลือกพาเล็ต Style เลือกรูปแบบสไตล์ที่โปรแกรมสร้างไว้ได้เลย หรือหากต้องการเอฟเฟ็คต์เพิ่มเติมให้คลิกที่ปุ่ม Add a layer style เลือกทำเครื่องหมายถูกหน้าสไตล์ที่ต้องการ